วันที่เผยแพร่ : 1 เม.ย. 2562 13:43 น.
วันที่เแก้ไข : 30 ต.ค. 2565 19:27 น.
เพื่อนถือว่าเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในช่วงวัยรุ่น ทั้งความคิด ความเชื่อ และพฤติกรรมต่าง ๆ เป็นเรื่องที่เปราะบางที่พ่อแม่ต้องให้ความสำคัญ เพราะคำว่าหัวเลี้ยวหัวต่อของวัยรุ่นขึ้นอยู่กับเพื่อนเป็นสำคัญ โดยพฤติกรรมของลูกที่อาจพบเจอคือ เริ่มกลับบ้านไม่เป็นเวลาหรือไปไหนไม่บอกกล่าว
ฉะนั้นหากพ่อแม่ได้รู้จักกับเพื่อนๆ ของลูกจึงเป็นข้อดี ทำให้เข้าใจว่าลูกกำลังทำอะไร สนใจอะไร และจะตามหาตัวได้ที่ไหนให้อิสระลูกได้เรียนในสิ่งที่รักพ่อแม่อาจมีความคาดหวังให้ลูกเรียนในคณะหรือมหาวิทยาลัยที่พ่อแม่ต้องการ โดยไม่สนใจความถนัดของลูก หรือบังคับให้ลูกเรียนด้านที่ลูกไม่เห็นด้วย สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลเสีย ทำให้ลูกเกลียดการเรียน หรือไม่ก็ควรเคร่งเรียนจนไม่มีสังคม ทางที่ดีลูกในวัยรุ่นที่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ควรได้รับการพัฒนาและตั้งเป้าหมายชีวิตตามศักยภาพที่เขามีโดยพ่อแม่เป็นเพียงผู้สนับสนุนและชี้แนะการแนะนำลูกให้คบเพื่อน
1. คุยกับลูกว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนอย่างไร มีข้อดีข้อเสียตรงไหน เพื่อฝึกให้ลูกหัดแยกแยะ และชักจูงให้ลูกรู้จักพิจารณาเห็นถึงข้อเสียของพฤติกรรมของเพื่อนว่าถ้าคบต่อควรระวังตัวอย่างไร
2. อย่าด่วนแจกแจงความไม่ดีของเพื่อนลูกก่อน เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกว่าคุณไม่ชอบเพื่อนเขา ยกเว้นว่าคุณให้เวลากับเพื่อนลูกมากพอ และลูกคุณก็เห็นปัญหาที่เพื่อนจะทำ ให้เขาเสียหายเหมือนกัน
3. ช่วยกันหาทางป้องกันและแก้ไขปัญหา เท่ากับช่วยฝึกให้ลูกเรียนรู้และรู้จักคนเพิ่มขึ้น
4. เป็นที่ปรึกษา เพราะเวลาที่ลูกคบเพื่อนอาจเกิดปัญหาขึ้นเป็นระยะ ต้องมีเวลารับฟังความรู้สึกและความคิดเห็นของลูก และให้ลูกได้เสนอทางแก้ปัญหาด้วยตนเองก่อนการคิดแทนลูก
5. วางขอบเขตในการคบเพื่อนให้ลูก เช่น ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่รบกวนการเรียน ซึ่งเป็นหน้าที่หลัก ไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น เป็นต้น และถ้าเกินเลย จำเป็นต้องพูดคุยและรักษาขอบเขตให้ชัดเจนเสมอ
ที่มา: www.thaihealth.or.th
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ Student Care
ยึดมั่นธรรมาภิบาล ทำงานเพื่อการศึกษาไทย....