วันที่เผยแพร่ : 23 ม.ค. 2567 15:43 น.
วันที่เแก้ไข : 19 พ.ย. 2567 17:01 น.
การเดินวันละ 1 ชั่วโมง สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ดังนี้
• ยิ่งเดินเยอะ เดินเร็ว และน้ำหนักตัวมากเท่าไร ก็ยิ่งเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นคนที่มีน้ำหนักมากกว่า เดินในระยะทางที่มากกว่า และเดินด้วยความเร็วที่มากกว่า ก็จะเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าคนที่น้ำหนักน้อยกว่าและเดินช้ากว่า
• จากงานวิจัยพบว่า ผู้หญิงน้ำหนักมาตรฐาน 11 คน สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 7.7 กิโลกรัม หรือ 10% ของน้ำหนักตัว จากการเดินเร็ว 1 ชั่วโมงต่อวัน ในระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งจริงๆ แล้ว น้ำหนักของแต่ละคนเริ่มลดลงตั้งแตการเดินในระยะเวลาวันละ 30 นาทีแล้ว
• ในผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าเกณฑ์ปกติ หรืออยู่ในภาวะโรคอ้วน หากเดินเร็ววันละ 50-70 นาที เป็นระยะเวลา 3 วันต่อสัปดาห์ สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 2.7 กิโลกรัมใน 12 สัปดาห์
• หากเดินเร็วทุกวันไปด้วย ควบคุมอาหารไปด้วย จะยิ่งลดน้ำหนักอย่างได้ผลมากขึ้น
• โดยเฉลี่ยแล้ว การเดินเร็ว 1 ชั่วโมง สามารถเผาผลาญพลังงานได้ราว 500 kcal ต่อครั้ง
ประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อเดินละวันละ 1 ชั่วโมง
นอกจากจะช่วยเรื่องลดน้ำหนักแล้ว การเดินวันละ 1 ชั่วโมงยังส่งผลดีต่อสุขภาพในด้านอื่นด้วย เช่น
• ลดความอยากกินหวานๆ สำหรับคนที่ติดหวาน โดยเฉพาะคนที่มักอยากกินหวานที่เกิดจากความเครียด
• เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยพบว่า คนที่เดินเป็นประจำทุกวันใช้วันลาป่วยลดลงมากถึง 43%
• ลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้ 14%
• ลดความเสี่ยงข้อเสื่อมตามวัย
• ลดไขมันเลว (LDL) เพิ่มไขมันดี (HDL) อย่างได้ผล
• ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น
• ลดความดันโลหิต
• ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
• ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานประเภท 2
• ช่วยให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
เดินอย่างไรถึงจะลดน้ำหนักอย่างได้ผล
1. ก่อนเดินอาจยืดเส้นยืดสาย ทำท่ากายบริการง่ายๆ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อก่อน จากนั้นจึงเริ่ม
2. หากเลือกได้ เลือกทางเดินที่มีพื้นเรียบ ไม่สะดุดง่าย เป็นทางทอดยาวไปเรื่อยๆ เหมือนลู่วิ่ง สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และสวมรองเท้าที่เหมาะสมกับการเดิน หรือจะสวมรองเท้าวิ่งก็ได้
3. ขณะเดิน ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นเดินจับเวลาหรือเดินจับความเร็ว ขอให้ลองเดินด้วยความเร็วที่ทำให้เริ่มรู้สึกเหนื่อย เริ่มจากเดินช้าๆ เพื่อเป็นการวอร์มร่างกายก่อนเป็นเวลา 5 นาที จากนั้นค่อยๆ เพิ่มความเร็วในการเดินจนทำให้รู้สึกว่าเริ่มหอบ เริ่มเหนื่อย เริ่มเหงื่อซึมนิดๆ และเดินด้วยความเร็วระดับที่ทำให้เริ่มเหนื่อยด้วยความเร็วคงที่ไปอีก 10-15 นาที หากไม่ไหวสามารถลดความเร็วในการเดินเป็นระยะๆ ได้
4. ระหว่างเดินหากกระหายน้ำ สามารถผ่อนความเร็วในการเดินแล้วพักจิบน้ำได้เล็กน้อย แต่อย่าดื่มน้ำมากเกินไป ระวังจุกท้องเมื่อเริ่มเดินต่อ
5. สามารถสลับความเร็วเป็นเดินเร็ว-ช้าหากเหนื่อยเกินไปได้ จนกระทั่ง 5 นาทีสุดท้ายลดความเร็วในการเดินลงช้าๆ จนกลายเป็นเดินปกติ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ Student Care
21 ซ.ประเสริฐมนูกิจ 29 แยก 7 ถ.ประเสริฐมนูกิจ 29 ต.จรเข้บัว อ.ลาดพร้าว จ.กรุงเทพมหานคร 10230
โทร.0808086001
แฟกซ์.029435477
เว็บไซต์ http://www.student.co.th
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ Student Care
ยึดมั่นธรรมาภิบาล ทำงานเพื่อการศึกษาไทย....